คุณแม่บางท่านเข้าใจว่าการรัปทานไขมันในช่วงตั้งครรภ์จะทำให้ลดน้ำหนักยากหลังคลอด แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในครรภ์นั้นต้องการไขมันบางชนิดในกระบวนการเจริญเติบโต และพัฒนาเซลล์สมอง นั้นคือกรดไขมันกลุ่ม โอเมก้า-3 เมื่อร่างการรับเข้าไปจะเปลี่ยนเป็น DHA (docosahexaeno acid) และ EPA (cicosapentaenoic acid ) ใขมันกลุ่มนี้พบได้ใน น้ำมันถั่วเหลือง ถั่วเหลือง เต้าหู้ ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอล ปลาทูน่า ปลาจาระเม็ด ปลาทู ปลากระพง ปลาเก๋า ปลาโอ ปลาอินทรีย์ ปลาช่อน ปลาบู่ ปลาสำลี ปลาสวาย
นอกจากนั้นยังมีกรดไขมันอีกตัวที่สำคัญไม่แพ้กันนั้นคือ กรดไขมันจำเป็นกลุ่ม โอเมก้า-6 เมื่อร่างกายได้รับจะเปลี่ยนเป็นกรดอะแรซิโดนิค (AA) กรดแกมม่าไลโนเลนิค (GLA) แลเกรดไดโฮโมแมม่า ไลโนเลนิค (DGLA) พบได้ในน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเมล็ดทานตะวัน เมล็ดทานตะวัน คุณแม่ท้องควรได้รับกรดไขมันทั้งสองชนิดนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยปริมาณที่พอเหมาะคือ โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 วันละ 1-3 กรัม
นอกจากจะดีต่อทารกในครรภ์แล้ว กรดไขมันทั้งสองตัวก็ยังดีต่อคุณแม่อีกด้วย ดียังไงเรามาดูกับเลย
– ดีต่อ เส้นผม และเล็บให้แข็งแรง ลดการเกิดริ้วรอยที่ผิวหนัง
– ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและระบบย่อยอาหาร
– ลดปัญหาเชื้อราในช่องคลอดและการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ
– ลดการบวมน้ำ
– ช่วยให้ระบบสืบพันธุ์แข็งแรง
– ช่วยปรับระดับอารมณ์ของคุณแม่ตอนหลังคลอด
ข้อดีของกรดไขมันดีส่งผลต่อลูกน้อยยังไง
– สำคัญต่อพัฒนาการทั่วไปของลูกในท้อง โดยเฉพาะสมองและสายตา
– ลดอัตราเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกคลอดน้อย
– ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของลูกร่างกายแข็งแรง
– ช่วยไม่ให้ผิวแตกแห้ง เป็นขุย หรือผื่นเอ็คซีม่า
เห็นไมว่าไขมันไม่ได้มีแต่เรื่องร้ายหรือทำให้อ้วนอย่างเดียว คุณแม่ควรคำนึงถึงประโยชน์ที่มีต่อทารกในครรภ์ เมื่อลูกน้อยสุขภาพดีแข็งแรงนั่นแหละคือ ความภูมิใจของคนเป็นแม่